วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Software

Operating System เป็น Software ของระบบมีหลายชนิด เช่น Netware ของ บริษัท Novell Corporation ซึ่งทำหน้าที่ใน การควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของระบบ สิทธิในการใช้งานของแต่ละ User การใช้
ทรัพยากรร่วมกัน สิ่งที่ผู้เรียนควรติดตามคือปัจจุบันนิยมใช้ Software (Operating System) ใด เพราะเหตุใด

Network Communication System

Network Communication System หมายถึง ระบบการสื่อสารภายใน Network หรือลักษณะการรับ-ส่งข้อมูลตามสาย โดยอาศัยหัวใจหลักคือ NIC และCable โดยจะมีการเชื่อมต่อ PC แต่ละตัวเข้ากับเครื่อง Server ด้วยลักษณะการเชื่อมต่อแบบต่างๆ ซึ่งแต่ละแบบมี ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่นความยาวของสาย Cable ทั้งระบบ
รวมกัน และความเร็วในการทำงานเป็นต้น

ในการใช้สาย Cable อาจทำให้มีข้อจำกัดมากมายจึงมี การพัฒนาระบบ Wireless Network ขึ้นมาใช้งานด้วย

Network Communication System

Network Communication System หมายถึง ระบบการสื่อสารภายใน Network หรือ ลักษณะการรับ-ส่งข้อมูลตามสาย โดยอาศัยหัวใจหลักคือ NIC และCable โดยจะมีการเชื่อมต่อ PC แต่ละตัวเข้ากับเครื่อง Server ด้วยลักษณะการเชื่อมต่อแบบต่างๆ ซึ่งแต่ละแบบมี
ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่นความยาวของสาย Cable ทั้งระบบ รวมกัน ความเร็วในการทำงายเป็นต้น

Workstation

Workstation ก็คือ PC ทั่วๆ ไปที่นำมาเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Network แบ่งออกเป็น Normal Workstation และ
Diskless Workstation Diskless นี้ เป็น PC ที่ไม่มีฮาร์ดดิสก์ จะไม่สามารถเปิดใช้งานด้วยตนเองได้ จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์สำหรับเปิดเครื่องเข้าสู่ระบบ Network เรียกว่าBoot ROM ซึ่งจะติดตั้งไว้บนอุปกรณ์ที่

เรียกว่า Network Interface Card (NIC) หรือ Network Adapter

Server

Server มีอยู่หลายชนิด ถ้านำเอา PC ทั่วๆ ไปมาใช้จะเรียกว่า File Server เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูล
และโปรแกรมที่ใช้ใน ระบบ Network รวมทั้งควบคุมการทำงานของระบบให้เป็นไปอย่างถูกต้อง
ความเร็วของ CPU และฮาร์ดดิสก์จะมีผลต่อประสิทธิภาพของระบบ Network ดังนั้น ถ้า CPU มีความเร็วสูงเท่าใดประสิทธิภาพของระบบก็จะดีมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันความเร็วของฮาร์ดดิสก์ หรือ Access Time หรือเวลาที่ใช้ดึงข้อมูลยิ่งน้อยมากเท่าใดยิ่งดี
หน่วยวัดของCPU มีหน่วยวัดเป็น MHz (เมกกะเฮิร์ตซ์) สิ่งที่ผู้เรียนควรติดตาม คือปัจจุบันนิยมใช้ CPUและฮาร์ดดิสก์รุ่นใด

OSI โมเดล

จากปัญหาต่างๆ ดังกล่าว ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน Internetworking จึงได้นำเอาโครงสร้างหรือ
โมเดลมาตรฐานเช่น OSI โมเดล ซึ่งเป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย เป็นแนวทาง ทำให้
เกิดอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อระหว่าง Network ขึ้นหลายแบบจากผู้ผลิตรายต่างๆ กัน แต่สามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้

ปัญหาของการใช้เครือข่ายที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกัน

1.มีการใช้ทรัพยากร หรืออุปกรณ์ซ้ำซ้อนไม่มีประสิทธิภาพ
2.การสื่อสารส่งผ่านข้อมูลต่างๆ เป็นไปได้ยากเมื่ออยู่ต่างเครือข่ายกัน
3.ขาดระบบการควบคุมเครือข่ายที่ดี และไม่มีมาตรฐานที่ดี

Internetwork

เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง WAN กับ WAN
ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นระบบอินเตอร์เน็ต ในการเชื่อมต่อกันบางระบบอาจจะแตกต่างกัน
แต่จะมีมาตรฐานในการติดต่อกัน หรือเรียกว่าระเบียบวิธีในการสื่อความหมายกันซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า “โปรโตคอล”
สำหรับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีการใช้งานโปรโตคอลที่ เรียกว่า TCP/IP

ความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่าย LAN กับ WAN

1.การเชื่อมต่อระหว่าง LAN ใช้อุปกรณ์ NIC โดยมีสายสัญญาณเป็น
ตัวกลาง แต่ WAN ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ ผ่านสาย Leased Line ,ระบบไมโครเวฟ ,ดาวเทียม ซึ่งอุปกรณ์พิเศษต่างๆที่เชื่อม LAN เข้าด้วยกันจนกลายเป็น WAN เรียกว่า Gateway
2. LAN ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ที่มี การ์ดเน็ตเวิร์ค , สื่อสัญญาณ,ระบบ
ปฏิบัติการควบคุม ส่วนเครือข่ายWAN ประกอบด้วย ส่วนที่1 อุปกรณ์ที่ใช้
เชื่อมต่อ LAN เข้าด้วยกัน เช่น Bridge หรือ Router ส่วนที่2 อุปกรณ์ช่วยในการ
ต่อเข้าสู่ WAN เป็นตัว Gatewayเช่น Modem สำหรับใช้ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์
หรือTerminal Adapterสำหรับใช้บริการ ISDN ส่วนที่3 สื่อสัญญาณเช่น
สายโทรศัพท์ คลื่นวิทยุ ส่วนที่ 4 ส่วนของบริการWAN หมายถึงเครือข่ายผู้
ให้บริการในการเชื่อมต่อระยะไกลๆ เช่นองค์การโทรศัพท์

ระบบเครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet)

Øเป็นระบบเครือข่ายภายในองค์กร โดยใช้เทคโนโลยีของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ดังนั้นการใช้งานจะเหมือนกับอินเตอร์เน็ตแต่เป็นการติดต่อสื่อสารกันภายในองค์กรเท่านั้น ไม่มีการเชื่อมต่อออกไปภายนอกองค์กร

ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet)

Øเป็นระบบขนาดใหญ่ สามารถเชื่อมต่อ เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ทั่วโลก
Ø โพรโตคอลที่ใช้ คือ TCP/IP
Ø การเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จะต้องทำการเชื่อมต่อผ่านองค์กรที่เรียกว่า ISP ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการในการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต
Ø มีความปลอดภัยของข้อมูลต่ำ

ประเภทของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

3. การจำแนกระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามระดับความปลอดภัยของข้อมูล
–ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet)
–ระบบเครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet)
–ระบบเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet)

ระบบเครือข่ายแบบเท่าเทียมกัน (Peer to Peer Network)

เครือข่ายนี้อาจเรียกว่า “เวิร์คกรุ๊ป (Workgroup)” เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่าย มีสิทธิในการร้องขอข้อมูลหรือบริการจากเครื่องอื่นๆ ได้เท่าเทียมกันสามารถเข้าถึงข้อมูลในเครื่องอื่นๆ ได้โดยไม่มีเครื่องใดเป็นศูนย์กลาง
เครือข่ายนี้เหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดเล็กที่เชื่อมต่อไม่เกิน 10 เครื่อง และเนื่องจากทุกเครื่องมีสิทธิ์เท่าเทียมกันจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “เครือข่ายแบบเท่าเทียมกัน”

ระบบเครือข่ายแบบพึ่งพาเครื่องบริการ (Server Based Networkหรือ Client-Server Network )

เครือข่ายนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีการแบ่งแยกน้าที่ของคอมพิวเตอร์อย่างชัดเจน ในระบบนี้จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เรียกว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server) ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการต่างๆ เช่น เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลไฟล์ หรือโปรแกรมต่างๆ
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับทรัพยากรให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่เป็นลูกข่าย เรียกว่า เครื่องไคลเอนด์ (Client) เครือข่ายนี้แบบนี้เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อจำนวนมาก

ประเภทของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

2. การจำแนกระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามหน้าที่การทำงานในเครือข่าย
–ระบบเครือข่ายแบบพึ่งพาเครื่องบริการ (Server Based Network หรือ Client-Server )
–ระบบเครือข่ายแบบเท่าเทียมกัน (Peer to Peer Network)

ระบบเครือข่ายวงกว้าง(wide Area Network :WAN)

เป็นเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมบริเวณกว้าง โดยจะนำเครือข่าย LAN ตั้งแต่สองเครือข่ายมาต่อกัน โดยใช้สายส่งข้อมูลความเร็วสูงครอบคลุมพื้นที่วงกว้าง เช่นบริษัทที่มีเครือข่ายอยู่หลายจังหวัดต้องการสื่อสารข้อมูลเข้าด้วยกัน เครือข่ายที่มีการสื่อสารระหว่างเมืองหลวง หรือข้ามพรมแดนประเทศ สำหรับวิธีการเชื่อมโยงสัญญาณอาจทำได้โดยใช้สายเคเบิล ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม เพื่อเชื่อมโยงกันให้เป็นบริเวณกว้าง สำหรับระบบ WAN ที่ครอบคลุมพื้นที่ไปทั่วโลกก็คือเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั่นเอง

ระบบเครือข่ายเมือง (Metropolitan Area Network :MAN)

เป็นเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่กว่าเครือข่าย LAN ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอ หรือจังหวัดเดียวกัน โดยอาจเป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ขององค์กรเข้าด้วยกัน เช่น การต่อคอมพิวเตอร์ของสาขาต่างๆ ในเขตเมือง เพื่อสื่อสารแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันในองค์กร
การส่งข้อมูลของเครือข่าย MAN จะขึ้นอยู่กับช่องทางการสื่อสารที่อาจมีความเร็วปานกลางจนถึงความเร็วสูง ระบบการส่งข้อมูลที่ใช้ในระบบ MAN นั้นมีทั้งแบบใช้สายสัญญาณและแบบไม่ใช้สายสัญญาณ แต่จะใช้คลื่นไมโครเวฟ หรือคลื่นวิทยุแทนก็ได้

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประเภทของระบบเครือข่าย

1. เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LAN)
เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกัน หรืออาคารที่ใกล้กัน เช่น ภาพในสำนักงาน ภายในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ระบบเครือข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ


2. เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ MAN)
เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมือง หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกตามบ้านทั่วไปที่เราดูกันอยู่ทุกวันก็จัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ MAN




3. เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรือ WAN)
เป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ใช้ติดตั้งบริเวณกว้าง มีสถานนีหรือจุดเชื่อมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม





ประโยชน์ของระบบเครือข่าย

ระบบ network คือการที่นำเครื่อง computer หลายๆเครื่อง มาเชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร และใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้
1. สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าอุปกรณ์ให้กับทุกเครื่อง
2. สามารถใช้โปรแกรมและข้อมูลร่วมกัน (Sharing of program and data)โดยจัดเก็บโปรแกรมไว้
แหล่งเก็บข้อมูล ที่เป็นศูนย์กลาง เช่น ที่ฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง File Server

3. สามารถติดต่อสื่อสารระยะไกลได้ (Telecommunication) การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่าย
ทั้งประเภทเครือข่าย LAN , MAN และ WAN ทำให้คอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล
ระยะไกลได ้โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ทางด้านการติดต่อสื่อสาร

ความหมายและความสำคัญของระบบเครือข่าย


ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิลหรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้
ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client)
ระบบเครือข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ใช้ ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ดาราที่ชื่นชอบ

รัก P' แบงค์ ว่ะ !!!